
ปุ๊กลุก ฝนทิพย์ เปิดคลิปแรก TurningPoint EP.1 : เกือบไม่มีพระเอกชื่อ “ไมค์ ภัทรเดช” ทางช่องยูทูบ Fonthip Watcharatrakul นั่งเปิดใจพระเอกหนุ่มคนรู้จักมักคุ้นแบบไม่เคยพูดที่ไหนมาก่อน


ไมค์ เผยเรื่องราวตอนอายุ 16 อยู่ มัธยม4 มีเพื่อนสนิทมาชวนไปประกวดดัชชี่ เราได้ที่1 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ท้ายที่สุดมาแข่งขันจังหวัดกรุงเทพ ถึงที่กะไว้ 3 มาอยู่ในสารบบวงการบันเทิง แป๊บหนึ่งมาเจอเรื่องราวที่มันไม่ใช่ พวกเราไม่ได้เกลียดกะเทย เรามีเพื่อนที่เป็นกะเทยเยอะมาก เรารักเขามากมายเขาสนุกสนานมาก แต่ว่าพอเพียงเรามาเจอกะเทย คนที่มาเจอตอนประกวดดัชชี่ มันเป็นอีกแบบ ด้วยเด็กตัวเล็กๆที่มีความฝัน มาที่ตรงนี้ เขาเป็นกะเทยที่พาเราไปเขาปรารถนามากกว่านั้น เป็นด่านแรกที่เราจำเป็นต้องผ่านก่อนที่เราจะเป็นพระเอก

ด่านแรกที่เราพบ เราต้องให้เขากินก่อน เป็นเงื่อนไข ตอนแรกก็เป็นพี่น้องกัน เรารักเขามากมาย เพราะเราเป็นเด็กบ้านนอกไม่ได้คิดอะไรเลย อยู่ดีๆวันหนึ่ง จะมาทำอย่างงั้นกับพวกเราในช่วงเวลานั้นราวๆ ม.5 เราก็ตัดเขาไปเลย

กูจะเป็นพระเอกต้องผ่านด่าน แบบนี้ กูไม่เป็นก็ได้ อายุประมาณ17 ก็กลับไปเรียนหนังสือ ไปเรียนมหาวิทยาลัย ไปเรียนประเทศจีน ตัดมาอีกทีอายุ 21 เลย ชีวิตเราโตมาพ่อแม่เลี้ยงอย่างอิสระมากมาย เราฐานะค่อนข้างดีขายอะไหล่มอเตอร์ไซค์เจ้าแรกในท้องถิ่น ขายน้ำปลายี่ปั๊ว เงินในเก๊ะเยอะมาก เราเรียนธุรกิจที่จีน ปกติแม่โอนเงินให้ไวมาก เราใช้เงินอิสระมาก วันหนึ่งแม่โอนเงินให้ช้ามาก แม่บอกแม่ล้มละลาย ไม่มีเงิน เพิ่งเลิกกับป๊า เพิ่งหย่ากัน เป้าหมายในชีวิตเดียวตอนนั้นคือผมจะต้องดูแลแม่ให้ได้


ไมค์ เผยอีกว่า กลับมาจากจีนมาไทยก็มาเจออีก เราแชร์ได้ไหม ด้าน ปุ๊กลุก กล่าวว่า ไมค์เอามาแชร์ได้มันจะได้เป็นมุมมอง ใครที่ได้ยินถึงเธอในมุมใดๆก็ตาม จะได้รู้เรื่องจริงคืออะไร เป็นครั้งแรกที่ไมค์จะได้กล่าวหัวข้อนี้ ซึ่งก่อนหน้าที่ผ่านมาก็มีคนพูดในอีกมุมหนึ่ง เรารู้จักไมค์มาสิ่งที่ไมค์เล่ามันคนละเรื่องเลย

พระเอกไมค์ เล่าว่า ผมเคยพบผู้ที่ผมรักมาก ให้ผมฝากชีวิตไว้กับเขา เขาแนะนำให้ผมรู้จักคนๆหนึ่งที่จะพาผมไปสู่ดวงดาว เป็นผู้จัดการดาราใหญ่มาก เราใกล้ถึงเรื่องจริงแล้วโว้ย พอไปเจอเขาวันแรก พี่คนนี้ให้เราไปรับที่ห้างหนึ่งที่เขาพาดาราดังๆของเขาไปทำงาน พวกเราก็รับเขาไปส่งที่โรงแรม เขาบอกให้เราขนของขึ้นไปให้ เราเป็นเด็กปี4 ไม่ได้คิดอะไร

ขนของให้เขาเสร็จ เราบอกจะกลับ เขาบอกคุยกันหน่อย ให้ถอดเสื้อดูหน่อย ดูอะไรพี่ ดูหุ่นเป็นดาราต้องดูหุ่น พอถอดเสื้อเสร็จ ถอดกางเกงหน่อย เขาบอกอยากดูต้นขา จะได้รู้ใส่ยีนส์ยังไงให้เหมาะ กูใส่บ็อกเซอร์ไปก็ดูต้นขาไปสิ

ถอดเสร็จมานั่งบนเตียงพี่หน่อย มาคุยกับพี่หน่อยก็เริ่มเอะใจ แค่นั่งบนเตียงกูรู้สึกผิดแล้ว ว่าทำไมกูถึงอยากเป็นขนาดนั้น พวกเรารู้และเข้าใจดีแล้วแม้กระนั้นเราเสือกไปนั่ง นั่งสักพักเขาถอดเสื้อเขา เราก็ลุก ถามเขาการจะเป็นพระเอกศิลปินต้องทำอย่างนี้ทุกคนไหม เขาตอบว่าก็แล้วแต่คน

ปุ๊กลุก เผยเพราะ ที่ไมค์ไม่ได้เล่า เขาพยายามจะทำอะไรบางอย่าง ที่มันชัดเจนมากมายๆไม่ใช่ถอดเสื้อธรรมดา จุดนั้นเป็นจุดนางออกมาเลย
ไมค์ เล่าอีกว่า เราตัดสินใจไม่ใช่แล้ว ไม่เป็นแล้ว เราเลยเป็นความฝัน เราเรียนธุรกิจจีน ก็ไปเป็นนักธุรกิจแล้วกัน วันหนึ่งไปฝึกงานที่จ.กรุงเทพฯก่อนจบ ที่ออฟฟิศผู้จัดการคนที่ผ่านมาคนหนึ่ง เป็นผู้หญิงเราไปตอบจดหมายประเทศจีน เขาทำโมเดลลิ่ง เขารักเรามากมาย เขาอยากปั้นเราเป็นดารา พอเขาพูดแบบงี้เรารู้สึกตื๊ดขึ้นมาเอาอีกแล้ว แต่ว่าเขาเป็นผู้หญิงสุดท้ายเขาให้ความรักเรา ไม่ได้อะไร เราเลยลองดูอีกสักครั้ง

เหตุที่เลือกเข้าวงการทั้งที่มีงานสายธุรกิจที่เรียนมาที่จีน มันบ้ามากโคตรบ้า ตอนเรียนมัธยมมีเด็กขอนแก่นหลายคน เด็กดังๆในขอนแก่น มีอาร์ตี้ ณเดชน์ มิน พีชญา เวียร์ โตโน่ มีแค่นี้ แล้วกูหละ ทุกคนทำได้เราก็จะต้องทำได้

แต่ว่า 3 ปีที่จะดูแลแม่ตัวเองไม่ไปถึงไหนเลย เป็นความทุกข์เครียดมาก 3 ปียังวนเวียนกับการเดินแบบอยู่เลย เล่นละครเรื่องหนึ่งปีกว่า ได้เงิน 8 พัน คูณ 15 ได้ 2 แสนกว่าบาท ไม่เหลือเลย คิดว่ามีณเดชน์ อาร์ตี้ มันจะง่าย เข้ามามันไม่ง่ายเลย เห็นเฟซบุ๊กเพื่อนที่เรียนจบมาด้วยกัน ทำโลจิสติกส์ไทย-จีน รวยแล้ว บางคนไปศึกษาต่อปักกิ่ง จีน ชีวิตดี อิจฉา เครียดว่ากูคิดผิดหรือถูก เก็บเงินได้ 2 แสนกว่า แบ่ง2แสนกว่าบาทซื้อคอนโดให้แม่มาอยู่ มีเงินเหลือใช้ไม่เท่าไหร่

เคยคิดสั้น ปุ๊กลุก เผยก็เพิ่งทราบไมค์ไม่เคยบอกเลย ขณะที่ ไมค์ ร่ำไห้ กล่าวว่า ไม่มีใครรู้ชีวิตผมผ่านอะไรมาบ้าง ก่อนจะปิดหน้าร้องไห้หนัก ทำเอา ปุ๊กลุก ช่วยปลอบ บอกร้องได้ร้องไปเลย ไมค์ พูดว่า เราไม่อยากพูดถึงมัน เครียดมาก เรารักแม่ แต่ว่าปัญหาครอบครัวเรายังใหญ่อยู่ วันที่เห็นแม่เตรียมของให้เราไปกองทุกวันพลังงานเปลี่ยนแปลง มีสติสัมปชัญญะมากขึ้น แม่ก็มีความสุขแม่ยิ้ม ตั้งแต่วันนั้นงานก็มีขึ้นเรื่อยๆละครใยกัลยา หลังจากวันนั้นชีวิตดียิ่งขึ้นเรื่อย

พร้อมกับยังได้เล่าจุดเปลี่ยนที่ทั้ง ไมค์ และก็ ปุ๊กลุก ผลัดกันปลุกไฟสำหรับการทำงานของกันและกันในวันที่หมดไฟในการทำงาน เรียกว่าเป็นมิตรภาพที่ดีงามมากๆ